|
ในปัจจุบัน การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ด้วยเทคโนโลยี NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นการตรวจที่ปลอดภัย ไม่กระทบกับทารก และมีความแม่นยำสูง แต่ในกรณีของคุณแม่ที่มีประวัติเป็น “เนื้องอก” หรือ “มะเร็ง” คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “สามารถตรวจ NIPT ได้หรือไม่?” และ “จะมีผลต่อความแม่นยำของผลตรวจหรือไม่?” วันนี้เราจะมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจอย่างชัดเจนค่ะ
1. การตรวจ NIPT ใช้ cfDNA ของทารกที่อยู่ในเลือดคุณแม่
การตรวจ NIPT เป็นการวิเคราะห์ชิ้นส่วนดีเอ็นเอของทารกที่เรียกว่า cell-free DNA (cfDNA) ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมของทารกที่ปะปนอยู่ในกระแสเลือดของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ โดยจะใช้เพียงการเจาะเลือดจากคุณแม่เพื่อตรวจวิเคราะห์ ทำให้การตรวจนี้มีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแท้ง และสามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ขึ้นไป
2. cfDNA จากเซลล์มะเร็งอาจปะปนในตัวอย่างเลือดได้
ในกรณีที่คุณแม่มีประวัติมะเร็ง หรือยังคงอยู่ในภาวะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ แม้จะไม่ได้มีอาการชัดเจน การตรวจ NIPT ก็อาจมีความเสี่ยงเนื่องจาก cfDNA ที่ได้จากตัวอย่างเลือดอาจไม่ได้มาจากทารกเพียงอย่างเดียว แต่มี cfDNA จากเซลล์มะเร็งปะปนเข้ามาด้วย ซึ่งอาจส่งผลต่อความถูกต้องของผลตรวจ และในบางกรณีอาจทำให้ผลตรวจบ่งชี้ถึงความผิดปกติที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวทารกเลย
3. อาจเกิดผล "ผิดปกติ (High risk)" โดยที่ทารกปกติดี (False Positive Result)
การปะปนของ cfDNA จากเซลล์มะเร็งในตัวอย่างเลือดของคุณแม่ อาจทำให้ผลตรวจมีความคลาดเคลื่อน และแสดงผลเป็นผลบวกหรือผลความเสี่ยงสูง ทั้งที่จริง ๆ แล้วทารกไม่มีความผิดปกติใด ๆ ซึ่งเราจะเรียกผลแบบนี้ว่า “False Positive Result” หรือผลบวกลวง ซึ่งนำไปสู่ความวิตกกังวล ความเครียด และอาจทำให้คุณแม่ต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็นในบางกรณี
4. ควรแจ้งประวัติการรักษาให้แพทย์และผู้ให้บริการตรวจทราบล่วงหน้า
คุณแม่ที่มีประวัติเป็นเนื้องอกหรือมะเร็ง ควรแจ้งประวัติเหล่านี้ให้ทีมแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบโดยละเอียด เช่น เคยได้รับเคมีบำบัด รังสีบำบัด หรือการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกเมื่อใด มีการติดตามอาการอยู่หรือไม่ ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญมากในการช่วยทีมแพทย์ประเมินว่า การตรวจ NIPT ยังมีความเหมาะสมในช่วงเวลานี้หรือควรเลื่อนออกไปก่อน
5. หากกำลังอยู่ระหว่างการรักษามะเร็ง ควรแจ้งให้แพทย์ หรือผู้ให้บริการทราบก่อน
กรณีที่คุณแม่ยังอยู่ระหว่างการรักษามะเร็ง เช่น กำลังรับเคมีบำบัด หรือเพิ่งผ่าตัด/ฉายแสงในช่วงก่อนตั้งครรภ์ไม่นาน ระดับ cfDNA ในร่างกายอาจไม่เสถียร หรือมีความผิดปกติที่ทำให้ผลการวิเคราะห์คลาดเคลื่อนได้สูง และอาจนำไปสู่ผล “ผลตรวจที่ไม่สามารถรายงานผลได้ (No-Call Result)” หรือ “False Positive Result” ดังนั้นควรแจ้งให้แพทย์ หรือผู้ให้บริการทราบก่อน เพื่อประเมินถึงโอกาส และความเสี่ยงของผลตรวจที่จะได้รับ
6. อาจพิจารณาวิธีตรวจอื่นร่วมด้วย เช่น Ultrasound หรือการเจาะน้ำคร่ำ
หากคุณแม่ไม่สามารถตรวจ NIPT ได้ เนื่องจากประวัติมะเร็ง หรือเหตุผลด้านสุขภาพ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีอื่นที่เหมาะสมแทน เช่น การตรวจอัลตราซาวด์ การตรวจ Serum screening หรือในบางกรณีอาจพิจารณาการเจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis) ซึ่งแม้จะเป็นการตรวจแบบรุกล้ำ แต่สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติของโครโมโซมได้โดยตรงจากเซลล์ของทารก
7. ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมก่อนเข้ารับการตรวจ
การพูดคุยและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชพันธุศาสตร์ หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านพันธุกรรม (Genetic Counsellor) จะช่วยให้คุณแม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจข้อจำกัดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากประวัติการเจ็บป่วยของตนเอง รวมถึงสามารถเลือกแนวทางการตรวจคัดกรองที่เหมาะสมกับสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์มากที่สุด
คุณแม่ที่มีประวัติเนื้องอกหรือมะเร็ง สามารถตรวจ NIPT ได้ในบางกรณี แต่จำเป็นต้องมีการประเมินความเหมาะสมจากทีมแพทย์ก่อน เพราะภาวะ cfDNA จากเซลล์มะเร็งอาจทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้ เพื่อให้การวิเคราะห์มีความถูกต้องและปลอดภัย เราแนะนำให้เข้ารับการตรวจจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล เช่น NGG Thailand ซึ่งมีทีมงานมืออาชีพ เครื่องมือที่ทันสมัย และการดูแลอย่างเข้าใจในทุกขั้นตอนค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: @nggthailand
โทร: 061-391-8999
Website: https://www.nggthailand.com
#NGGThailand #GenomeForHealthierLife #ตรวจดาวน์ซินโดรม #ตรวจดาวน์ #ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม #คัดกรองดาวน์ซินโดรม #ดาวน์ซินโดรม #เจาะเลือดตรวจดาวน์ซินโดรม #เจาะเลือดคัดกรองดาวน์ #ตรวจเลือดดาวน์ซินโดรม #ตรวจเลือดคัดกรองดาวน์ซินโดรม #ตรวจดาวน์ซินโดรมที่ไหนดี #ตรวจคัดกรองทารกในครรภ์ #ตรวจNIPT #NIPT #Qualifi #QualifiPremium24 #NGS #NextGenerationSequencing #ตรวจNGS