Article

บทความ

ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลกับการตรวจ NIPT อย่างไร?


ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่หลายท่านอาจประสบกับความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย และหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมคือการตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) ค่ะ แต่คุณแม่ทราบไหมคะว่า ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์บางประเภท อาจมีผลต่อความแม่นยำ หรือการแปลผลของการตรวจ NIPT ได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงความเกี่ยวข้องของภาวะแทรกซ้อนกับการตรวจ NIPT จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณแม่สามารถวางแผนดูแลครรภ์และเลือกรับบริการได้อย่างมั่นใจค่ะ
 
การตรวจ NIPT คืออะไร?
 
การตรวจ NIPT หรือ Non-Invasive Prenatal Testing คือการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมของทารกตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 10 สัปดาห์ขึ้นไป โดยการเก็บตัวอย่างเลือดจากคุณแม่ ซึ่งมี cfDNA (cell-free DNA) หรือสารพันธุกรรมที่ปะปนอยู่ในเลือดของคุณแม่ การตรวจนี้สามารถประเมินความเสี่ยงของภาวะผิดปกติทางโครโมโซมได้ เช่น ดาวน์ซินโดรม (Trisomy 21) เอ็ดเวิร์ดซินโดรม (Trisomy 18) พาทัวซินโดรม (Trisomy 13) และความผิดปกติของโครโมโซมเพศค่ะ
 
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์คืออะไร?
 
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ หมายถึง ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หรือทารกในครรภ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของทารกหรือการดูแลครรภ์ เช่น
 
• โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
• ความดันโลหิตสูง
• ภาวะครรภ์เป็นพิษ (Pre-eclampsia)
• ภาวะน้ำคร่ำน้อยหรือน้ำคร่ำมาก
• ภาวะเลือดจาง
• น้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์
• การตั้งครรภ์แฝด
 
ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกเท่านั้นนะคะ แต่บางอย่างยังอาจมีผลต่อการแปลผลของการตรวจ NIPT ได้ด้วยค่ะ
 
3. ภาวะแทรกซ้อนแบบไหนที่อาจส่งผลต่อการตรวจ NIPT?
แม้ว่า NIPT จะเป็นการตรวจที่ปลอดภัยและแม่นยำสูง แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่อาจส่งผลต่อความถูกต้องของผลตรวจ ได้แก่:
 
• น้ำหนักตัวของคุณแม่: คุณแม่ที่มีค่า BMI สูงมาก ๆ อาจทำให้ระดับ cfDNA ของทารกในกระแสเลือดเจือจางลง ซึ่งอาจทำให้ปริมาณ cfDNA ไม่เพียงพอในการวิเคราะห์ผล
 
• การตั้งครรภ์แฝดหรือมากกว่า: การมีทารกหลายคนในครรภ์ อาจทำให้การวิเคราะห์ cfDNA ซับซ้อนมากขึ้น และมีโอกาสตรวจพบความผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของทารกคนใด
 
• ภาวะทารกแฝดเสียชีวิตในครรภ์ (Vanishing twin): หากการตั้งครรภ์แฝด และมีทารกในครรภ์หยุดการเจริญเติบโต อาจส่งผลให้ cfDNA ที่เหลืออยู่จากทารกคนนั้นยังคงอยู่ในกระแสเลือดของคุณแม่ และทำให้ผลตรวจ NIPT คาดเคลื่อนได้
 
• ภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune) หรือโรคมะเร็งบางชนิด อาจทำให้เกิด cfDNA แปลกปลอมในเลือด และกระทบต่อความแม่นยำในการวิเคราะห์
 
ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณแม่แจ้งข้อมูลสุขภาพทั้งหมดกับแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนก่อนเข้ารับการตรวจ NIPT เพื่อการแปลผลที่ถูกต้องและเหมาะสมค่ะ
 
การตรวจ NIPT เป็นการตรวจที่มีประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางโครโมโซมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ภาวะแทรกซ้อนบางประการระหว่างตั้งครรภ์สามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ของการตรวจได้
 
เราอยากเชิญชวนให้คุณแม่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อจำกัดและปัจจัยที่อาจมีผลต่อผลตรวจ พร้อมเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับสูง มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เช่น NGG Thailand ของเราค่ะ ซึ่งเรามีทั้งนักพันธุศาสตร์ และเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณแม่มั่นใจในทุกย่างก้าวของการตั้งครรภ์ค่ะ
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
LINE ID: @nggthailand
โทร: 061-391-8999
Website: https://www.nggthailand.com
 
#NGGThailand #GenomeForHealthierLife #ตรวจดาวน์ซินโดรม #ตรวจดาวน์ #ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม #คัดกรองดาวน์ซินโดรม #ดาวน์ซินโดรม #เจาะเลือดตรวจดาวน์ซินโดรม #เจาะเลือดคัดกรองดาวน์ #ตรวจเลือดดาวน์ซินโดรม #ตรวจเลือดคัดกรองดาวน์ซินโดรม #ตรวจดาวน์ซินโดรมที่ไหนดี #ตรวจคัดกรองทารกในครรภ์ #ตรวจNIPT #NIPT #Qualifi #QualifiPremium24 #NGS #NextGenerationSequencing #ตรวจNGS

LINE
FACEBOOK
TWITTER